วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

A.C.Solutio แก้ปัญหาเรื่องผิวหน้าเรื้อรัง

👍A.C.Solution สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าเรื้อรัง

✔เป็นเซรั่มบำรุงผิวที่สกัดจากผลส้มบนเกาะ jaju island ช่วยเพิ่มคอลลาเจนที่ได้จากการสกัดจากผลส้ม สารอาหารต่าง ๆ ที่ได้จากการสกัดคลอลาเจน  และมีไวท์เทนนิ่งที่ให้ความชุ่มชื่น ปรับปรุงผิวให้ขาวขึ้น ชุ่มชื่นขึ้น และสีที่ได้จากสารสกัดจากสัม  ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ส่งเสริมการฟื้นฟูหรือปรับปรุงเซลล์  ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวหยาบกร้าน และรอยแผลเป็น



✔เซรั่มสามารถเจาะฐานของผิว และเติมแต้มความชุ่มชื่นคืนสีผิวที่ขาว นวล ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น น่าสัมผัส

✔มีวิตามินซีที่เข้มข้น  มีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์ผิวจากการทำลายของรังสียูวีได้มากขึ้น  มีส่วนผสมของวิตามินซีและกระตุ้นการสร้างคลอลาเจน เมื่อผิวมีคลอลาเจนสมบูรณ์การเกิดริ้วรอยจะลดลง  ลดอาการแพ้ระคายเคือง

✔วิตามินซีเป็น  Natural  Antihistamine เป็นสารต่อต้านภูมิแพ้จากธรรมชาติ  ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผิว  ช่วยบำรุงให้ผิวมีสุขภาพดี



✔วิตามินซี นับว่ามีความจำเป็นต่อร่างกายและมีประโยชน์มากมาย บำรุงผิวเป็นประจำ จะทำให้ผิวมีสุขภาพดี




✔ใช้ทาผิวหน้า เช้าและเย็น  หยดเพียง 2-3 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า เป็นเซรั่มเข้มข้นมาก  ซึมซับสู้ผิวได้อย่างรวดเร็ว

✔ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของแบรนด์อะโทมี  ได้ผ่านการทดสอบทางการแพทย์  มี  อย.รับรองจากประเทศเกาหลี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผิวของคุณ👄👄👄👄👄

วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

ไขมันดี ดีต่อสุขภาพยังไง

ไขมันดี ไขมันเลว อยากสุขภาพดีต้องรู้

          มาทำความรู้จักกับไขมันให้ดีขึ้นอีกนิด แล้วจะรู้ว่าไขมันที่จริงแล้วไม่ได้มีแต่โทษเสมอไป ถ้าเลือกทานให้ถูกกลับดีกับสุขภาพเสียด้วยซ้ำ

          ไขมัน แค่ได้ยินชื่อคนจำนวนไม่น้อยก็คงจะจะรู้สึกกลัวกันขึ้นมาแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเรามักได้ยินข้อเสียของไขมันกันมามาก ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วไขมันไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป ไขมันบางชนิดก็ยังมีข้อดีแถมยังสำคัญต่อร่างกายของคนเราอย่างมากด้วยละค่ะ ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอพาทุกหนุ่มสาวที่รักสุขภาพไปทำความรู้จักกับไขมันกันให้ดีมากขึ้น ใครที่ยังเข้าใจไขมันผิด ๆ อยู่ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

          ไขมัน คือ สารประกอบหลายชนิดซึ่งมีลักษณะร่วมกันคือ ละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์ แต่ไม่ละลายน้ำ ซี่งไขมันส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาหารนั้นมีส่วนประกอบของกรดไขมัน (Fatty acid) เกิดขึ้นจากคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เรียงตัวจับกันในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งไขมันแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่ต่างกัน เราก็ไปดูกันเลยค่ะว่ามีไขมันชนิดใดบ้างที่เป็นไขมันดี และไขมันชนิดใดเป็นไขมันเลว หรือไม่ดีต่อร่างกายบ้าง

ไขมันดี

ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fatty acid)

          ไขมันไม่อิ่มเชิงเดี่ยว หรือ โอเลอิก (Oleic acid) เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง และถ้าหากรับประทานเข้าไปมาก ๆ ก็จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้นและช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีลงได้ด้วย แถมยังทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงได้อีกด้วยค่ะ อาหารที่มีไขมันชนิดนี้อยู่ในปริมาณสูงได้แก่ ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่าง ๆ น้ำมันข้าวโพด ปลาที่มีไขมันสูง น้ำมันจากเมล็ดดอกคำฝอย

 ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fatty acid)

          ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ และจำเป็นต้องรับจากอาหารเท่านั้น ไขมันชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะไปลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ อาหารที่มีไขมันชนิดนี้อยู่ในปริมาณสูงได้แก่ ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่าง ๆ อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา และน้ำมันถั่วลิสง

 โอเมก้า 3 (Linolenic หรือ Alpha Linolenic Acid) 

          ไขมันโอเมก้า 3 เป็นไขมันที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาไขมันที่ดีต่อร่างกาย เมื่อกรดไขมันชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบต่าง ๆ และยังไปควบคุมการแข็งตัวของเลือด และทำให้ความดันโลหิตและระดับไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายลดลง ไขมันชนิดนี้ยังช่วยควบคุมการขนส่งสารอาหารต่าง ๆ ที่ได้รับจากอาหารไปทั่วร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและอัมพาต ลดการอักเสบของโรคไขข้อเสื่อมรูมาตอยด์ ลดอาการปวดหัวไมเกรนและปวดประจำเดือน เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายและลดอาการของโรคภูมิแพ้ได้

          นอกจากนี้ไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในเลือด และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดีในเลือด และช่วยบำรุงสมองอีกด้วยค่ะ อาหารที่มีไขมันชนิดนี้อยู่ในปริมาณสูงได้แก่ ไข่ ดอกกะหล่ำ ปลาแซลมอน น้ำมันตับปลา ถั่ววอลนัท ถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา และผักโขม เป็นต้น ซึ่งสมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกายังได้แนะนำให้รับประทานปลาทะเลน้ำลึกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 6-10 ออนซ์ ( ประมาณ 170 - 280 กรัม) ค่ะ

 โอเมก้า 6 (Linoleic Acid)

          ไขมันโอเมก้า 6 เป็นไขมันที่มีทั้งคุณและโทษ ประโยชน์ของมันก็คือช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โดยลดการแข็งตัวของเลือด ลดอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ลดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยบำรุงตับ โดยเฉพาะผู้ที่ติดสุรา หรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ป้องกันโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ โดยลดการแข็งตัวของเยื่อหุ้มที่เม็ดเลือดแดง ส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ควรจะบริโภคให้เหมาะสมเพราะถ้าหากบริโภคมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อหัวใจได้เช่นกันค่ะ

 ไขมันเลว 

ไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid)

          ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่มีโครงสร้างคาร์บอนจับเรียงกันครบ ซึ่งร่างกายสามารถสร้างได้เอง และยังได้จากการรับประทานอาหารด้วย ดังนั้นเราจึงไม่ควรบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป คือไม่ควรเกินกว่า 7% ของแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน เพราะอาจจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกด้วย อาหารที่มีไขมันชนิดนี้อยู่ในปริมาณสูงได้แก่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมันปาล์มหรือน้ำมันมะพร้าว เป็นต้น

 คอเลสเตอรอล (Cholesterol)

          คอเลสเตอรอลสามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย โดยปกติคอเลสเตอรอลในร่างกายจะได้รับมาจาก 2 แหล่ง ก็คือร่างกายสร้างขึ้นเองและได้รับจากอาหาร ซึ่งร่างกายของเราต้องการคอเลสเตอรอล เพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติปกติ และคอเลสเตอรอลยังถูกใช้ในการผลิตฮอร์โมน วิตามินดี และสารบางชนิดที่อยู่ในระบบย่อยอาหาร อย่างเช่น กรดน้ำดี เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน เป็นต้น

          แต่จะให้บอกว่าคอเลสเตอรอลมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะคอเลสเตอรอลถือเป็นไขมันที่สำคัญต่อร่างกายเช่นกัน โดยไขมันชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

          - คอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High density lipoprotein หรือ HDL) คอเลสเตอรอลชนิดนี้เป็นคอเลสเตอรอลที่จะทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ใช้แล้วกลับมาที่ตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่คอยกำจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย การมีระดับคอเลสเตอรอลชนิดนี้สูงจะลดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันได้ โดยอาหารที่จะช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีสูงขึ้นก็ได้แก่ธัญพืชไม่ผ่านการขัดสี อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เมล็ดแฟลกช์ซีด ถั่วเหลือง ผักใบเขียว และถั่วเปลือกแข็งโดยเฉพาะวอลนัท

          - คอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low density lipoprotein หรือ LDL) คอเลสเตอรอลชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเข้าสู่กระแสเลือดและไปสะสมมากเข้าก็จะทำให้เกิดตะกรันในหลอดเลือด ซึ่งอาจส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตกะทันหัน หรือกลายเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้

          ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี อย่างเช่นอาหารที่มีแคลอรี่สูง อาหารทะเล และเนื้อสัตว์ติดมัน หรืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง และควรออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพราะไฟเบอร์ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีออกจากร่างกายค่ะ

 ไขมันทรานส์

          ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่ร้ายที่สุดในบรรดาไขมันที่ไม่ดีค่ะ โดยไขมันทรานส์นั้นเกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืชซึ่งเป็นของเหลว ทำให้น้ำมันเปลี่ยนไปเป็นของแข็ง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า "ไฮโดรจีเนชั่น" (hydrogenation) โดยไขมันชนิดนี้จะมีมากที่สุดในมาร์การีนชนิดแท่ง เนยขาว อาหารที่มีส่วนประกอบของเนยขาวหรือมาร์การีน จำพวกขนมและอาหารฟาสต์ฟู้ด อย่างเช่น คุกกี้ เค้ก ขนมปังขาว โดนัท เฟรนช์ฟรายส์ เป็นต้น

          โดยไขมันชนิดนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนไขมันอิ่มตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมคะว่าถ้าเป็นแบบนี้ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจคงตามมาเห็น ๆ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ การวิจัยล่าสุดยังพบว่า ไขมันทรานส์ตัวร้ายยังไปลดระดับคอเลสเตอรอบชนิดดีในเลือดเสียด้วย และไขมันชนิดนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ จอประสาทตาเสื่อม นิ่วในถุงน้ำดี และการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังอีกมากมาย แถมยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้หญิงอาจทำให้มีบุตรยากอีกด้วย โอ้ว...มีแต่เรื่องร้าย ๆ ถ้าไม่รีบเลี่ยงซะตั้งแต่วันนี้ ก็เตรียมรับมือกับโรคร้ายในอนาคตได้เลย

 รู้ไว้ใช่ว่า : ปริมาณไขมันแต่ละชนิดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

          - ไขมันอิ่มตัว : น้อยกว่า 7% ของแคลอรี่ทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
          - ไขมันไม่อิ่มตัว (ทั้งเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน) : ไม่เกิน 25–35% ของแคลอรีทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
          - คอเลสเตอรอล (ทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี) : ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน
          - ไขมันโอเมก้า 3 : อย่างน้อย 500 มิลิกรัมต่อวัน

          ด้านสมาคมแพทย์โรคหัวใจในสหรัฐอเมริกา ก็ได้ให้แบ่งประเภทของไขมันให้เห็นชัด ๆ ตามภาพด้านล่างนี้

ไขมันดี ไขมันเลว
คลิกชมภาพขนาดใหญ่

          ได้รู้จักกับไขมันชนิดต่าง ๆ กันมากขึ้นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับไขมันก็คงเริ่มใจชื้นกันขึ้นมาบ้าง แต่ถึงแม้ว่าไขมันจะมีประโยชน์ แต่ไขมันก็คือไขมันอยู่วันยังค่ำ ยังไงก็ควรที่จะรับประทานให้พอเหมาะ เพราะหากมากเกินไป จากประโยชน์ก็อาจจะกลายเป็นโทษได้ เอาละอ่านจบแล้ว ใครที่ปฎิเสธอาหารที่มีไขมันบางชนิดที่มีประโยชน์เปลี่ยนความคิดกันได้แล้วนะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธาราณสุข
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร

cr. https://health.kapook.com/view99493.html

วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ข่าวที่ได้ยินมา กระทรวงสาธารณาสุขยังขู่ไม่ให้หมอแสงรักษาอยู่ตลอดเวลา หมอแสงเลยบอกว่า ให้ยาฟรีคือไม่มีการจำหน่ายหรือแม้แต่เงินหยอดตู้ใดๆก็ไม่มีทั้งสิ้น และคนไข้ที่เป็นมะเร็งก็หายดีกันมากมาย กระทรวงยังจะจับ หมอแสงก็จะนำยาสูตรนี้ไปขายต่างประเทศ แทนที่จะให้คนไทยจะได้ฟรี(ไม่รู้ว่าจนท.มีผลประโยนช์กับพ่อค้าหรือป่าว เพราะประโยนช์ชาวบ้านที่ไม่มีที่พึ่งแล้วจากรพ.ไม่สามารถรักษาได้แล้ว)แล้วเมื่อนั้นคนไทยก็จะต้องกลับกลายเป็นมาซื้อยาแพงไปเลย ผมได้ยินข้างนอกเขาพูดกันว่า เป็นเพราะผลประโยนช์อันมหาศาล ของวงการขายยานี่แหละ ที่ปิดกันหมอแสง(ขนาดทำด้วยใจที่เป็นผู้ให้มาตลอด ไม่ได้เอาเงินแม้บาทเดียว) ฉะนั้นวันนี้ผู้พิพากษาจึงออกมาพูดตามคลิปที่ผมส่งมาครับ

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

📌 สินค้าแนะนำวันนี้ 👍

แคลเซี่ยมนมเม็ด ของ Atomy
เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ทุกคนในครอบครัว
เป็นสินค้าขายดีมาก


ในร่างกายของคนเรานั้นมีส่วนประกอบสำคัญอยู่หลายๆอย่าง และอีกอย่างที่สำคัญนั้นคือ แคลเซี่ยม อาหารที่ให้แคลเซี่ยมมากที่สุดคือ ปลาทะเลเล็ก, เต้าหู้, กุ้ง, นม  ของกินที่ทำลายแคลเซี่ยมให้เสี่ยมสภาพเร็วคือ น้ำชาแดง, เครื่องดื่มน้ำอัดลม, โกโก้
ในแต่ละวันร่างกายของเราได้รับแคลเซี่ยมไม่เพียงพอ เท่ากับการสูญเสีย การเลือกวิธีทานแคลเซี่ยมเสริมจึงเป็นอีกวิธีที่ดีที่สุด 👉แคลเซี่ยมเสริมดีอย่างไร?บ
✔ ช่วยเพิ่มความสูง และน้ำหนักให้กับเด็กที่ไม่ได้เกณมาตรฐาน
❗ หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ และให้นมบุตร จะสูญเสียแคลเซี่ยมได้เร็วกว่าคนปกติทั่วไป จึงจำเป็นต้องมีการเสริมแคลเซี่ยม
👉 อายุ 30ปีขึ้น แคลเซี่ยมไขข้อกระดูกเริ่มเสี่ยม
👉 คนที่เริ่มมีอายุมากขึ้น วัยชรา หญิงหมดระดู หรือวัยทอง แคลเซี่ยมเสี่ยม ควรที่จะมีการเสริมสร้างแคลเซี่ยม เพราะถ้าคนเราขาดแคลเซี่ยมจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ปวดเมื่อยร่างกาย เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน, เปราะบางอีกด้วยค่ะ

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประโยชน์จากการดื่มกาแฟล่าสุดปี2017

#9ประโยชน์ของการดื่มกาแฟจากงานวิจัยล่าสุดในปี2017 !!
.
[1] ดื่มกาแฟดำเป็นประจำทำให้อายุยืน โดยการลดอัตราการตายจากโรคต่าง ๆ ได้ (ลงในวารสารการแพทย์ Annals of Internal Medicine เดือนกรกฎาคม ปี 2017)
.
[2] ลดความเสี่ยงโรคหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเส้นเลือดหัวใจตีบ และลดการอักเสบของหลอดเลือด
.
[3] ลดความเสี่ยงโรคเส้นเลือดสมองแตกและตีบได้มากถึง 25% เลยทีเดียว

[4] ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลกลูโคสได้ดีขึ้น และยังทำให้น้ำหนักลดลงได้อีกด้วย เป็นผลมาจากสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบในกาแฟ เช่น #กรดคลอโรจินิก (Chlorogenic acid)
.
[5] ลดโอกาสเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ เต้านม ต่อมลูกหมาก ผิวหนัง มดลูก โดยปริมาณที่ดื่ม คือ ต้อง > 3 แก้ว/วันขึ้นไป (ถือว่าค่อนข้างมากทีเดียว ใครจะดื่มให้ได้ผลป้องกันมะเร็งต้องระวังตาค้างนอนไม่หลับนะครับ)
.
[6] ป้องกันโรคสมองเสื่อม ความจำเสื่อมได้ ปริมาณที่ดื่ม คือ 3-5 แก้ว/วัน ซึ่งถือว่ามากสำหรับคนไทย
.
[7] ลดโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้ 15-20% จากการดื่ม 2-4 แก้ว/วัน ผลจากการเปลี่ยนแปลงระดับสารสื่อประสาทโดปามีนและซีโรโตนินในสมอง
.
[8] ลดโอกาสเกิดไขมันเกาะตับที่ไม่ได้มาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD) ตับแข็ง (Cirrhosis) และมะเร็งตับ (HCC) ได้
.
[9] ลดความเสี่ยงโรคเก๊าท์ได้
.
อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟก็มีอาการข้างเคียงได้เช่นเดียวกัน ที่พบได้บ่อย ๆ  ได้แก่ ความดันเลือดสูงขึ้น ใจสั่น มือสั่น ปวดศีรษะ วิตกกังวล นอนไม่หลับ และ เพิ่มความเสี่ยงโรคต้อหิน (Glaucoma) ได้ คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการดื่ม คือ ไม่ควรเกินวันละ 2 แก้วนะครับ (แก้วกาแฟ) และกาแฟที่ดำควรเป็นกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล นม ครีมเทียม หรือ สารปรุงแต่งอย่างอื่น สำหรับคนที่ดื่มไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนนะครับ หันไปดื่มหรือทานอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแทนก็เป็นทางออกที่ดีเช่นเดียวกัน
.
อ้างอิงจากบทความเรื่อง
"How Healthy Is Coffee ? The Latest Evidence" โดย Doctor Bret S. Stetka เมื่อ September 15, 2017 จากฐานข้อมูลเว็บไซต์ Medscape
Link : https://goo.gl/e9n9n8

ที่มา   เพจ หมอหล่อคอเล่า
https://m.facebook.com/morlorkorlao/photos/a.1401371530163927.1073741828.1399461643688249/1737985259835884/?type=3



วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ATOMY HAIR AND BODY 4 SET

ตัวช่วยเพื่อผมสุขภาพเเข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง 

ATOMY HAIR AND BODY 4 SET






  ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกายและศีรษะ
สูตร Clear Formula ของบริษัท Kolmar Korea
ช่วยขจัดสิ่งสกปรก เหงื่อ และความมัน
ทำให้ผิวสะอาดและรู้สึกสดชื่นด้วยคุณสมบัติของ
สารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ

ภายในเซ็ตประกอบด้วย
~ Herbal Shampoo (500ml)
~Herbal Treatment Hair Pack (200ml)
~ Body Cleanser (500ml)
~ Hair Treatment Liquid (200ml)




📍ชุดยาสระผม ควรใช้ด้วยกันนะคะ เพราะว่าสินค้าของ Atomy เป็น functional คือ ใช้ด้วยกันแล้วจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นยาสระผมที่ใช้สมุนไพรสกัดเป็นหลัก จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นของยาสระผมจะมาก่อนค่ะ ;)

ดังนั้นถ้าใช่ร่วมกับยี่ห้ออื่นๆ อาจจะทำให้คันได้ค่ะ







Herbal Shampoo (500ml)
- บริหารจัดการองค์ประกอบต่างๆที่ช่วยป้องกันหนังศีรษะทำให้หนังศีรษะสะอาด
 - ดูแลเส้นผมที่เสียหายเพื่อรักษาความยืดหยุ่นให้แก่เส้นผม
- สารสกัดจากอะโวคาโดและส่วนผสมจากพืชว่านหางจระเข้
- กำจัดสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนต่างๆบนหนังศีรษะ

- ดูแลปัญหาหนังศีรษะต่างๆ






Herbal Treatment Pack

- ป้องกันการแห้งกร้านของหนังศรีษะ
- บำรุงรักษาสมดุลความชุ้มชื้นให้แก่หนังศีรษะ
- ป้องกันผมร่วง
- ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ
- แก้ปัญหาผมร่วงด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
- ช่วยแบ่งส่วนปลายให้เรียบนุ่มลื่นขึ้น



Body Cleanser
- บำรุงผิวด้วยสมุนไพรออร์แกนิกและส่วนผสมของยาตะวันออก
- พลังชุ่มชื้นที่อุดมไปด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์
- ดูแลผิวพรรณอย่างอ่อนโยน มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูง
- ให้ความสดชื่นแก่ร่างกายและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด


ส่วนของโทนิค (Hair Tonic) สามารถใช้ได้ทุกวัน แล้วใช้หวีกระตุ้นหนังศรีษะไปด้วยจะได้ผลในกระกระตุ้นทำให้ผมใหม่เกิดขึ้น และสุขภาพผมดีและรากผมมีความแข็งแรงขึ้น

แปรง
- ช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะ
- ช่วยขจัดของเสียภายในรูขุมขน
- ช่วยนวดผ่อคลายและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

รีวิวจากผู้ใช้



วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

➡️ Atomy slim body shek & Puer tea #ลดน้ำหนัก

➡️ Atomy slim body shek & Puer tea



สีฟ้า ธัญพืช (55g ×15ea)
สีเขียว ธัญพืชผสมชาเขียว (55g × 15ea)
Puer tea (1g ×30ea)
🕖 สีฟ้าธัญพืช ช่วยลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพใน 1มื้อ
วิธีรับประทาน 1ขวด 55g เติมน้ำเปล่า 165ml ปิดฝากลับหัวลงเขย่า แล้วดื่ม (ตอนเช้า)
ประกอบไปด้วย เม็ดข้าวธัญพืช, ผัก, ผลไม้ แหล่งรวมของแร่ธาติ, แคลเซียม, วิตามินต่างๆ รวม 21ชนิด ไม่มีส่วนผสมของไขมัน

🕕 สีเขียวมีส่วนผสมของชาเขียว ช่วยลดน้ำหนัก และย่อยสลาย เพื่อสุขภาพใน 1มื้อ วิธีกิน 1ขวด 55g เติมน้ำเปล่า 165ml ปิดฝากลับหัวลงเขย่า แล้วดื่ม (ตอนเย็น ดื่มแทนข้าวเย็น) ประกอบไปด้วย ชาเขียว, ธัญพืช, ผัก, ผลไม้, แหล่งรวมของแร่ธาตุ, แคลเซียม, และวิตามินต่างๆ รวม 21ชนิด ไม่มีส่วนผสมของไขมัน

🍃 Puer tea
 วิธีรับประทาน
วันละ 1ซอง (1g) ผสมน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิปกติ 500ml ชงแล้วดื่มได้เรื่อยๆจนหมด (แนะนำให้ดื่มหลังอาหารกลางวันเป็นต้นไป หรือห้ามเกิน บ่าย 4โมงเย็น) Puer tea ช่วยลดน้ำหนัก สลายไขมันสะสมส่วนเกิน และลดคอเลสเตอรอล

1 set มี สีฟ้า 15ขวด สีเขียว 15ขวด และชา Puer 30ซอง 113000₩ 4200บาท
หรือเฉพาะชา Puer 30ซอง 930บาท

ชุดลดความอ้วน ให้เลือกชุดสีฟ้า หรือเขียว //1 set มี สีฟ้า 15ขวด สีเขียว 15ขวด และชา Puer 30ซอง 113000₩ 4200บาท
หรือเฉพาะชา Puer 30ซอง 930บาท